การประยุกต์ใช้โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลด้วยโปรแกรม Microsoft Access
ปัจจุบันมีการใช้คอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ประยุกต์ทำงานได้หลายอย่างผู้ใช้ควรเรียนรู้ว่า
ใครควรจะใช้โปรแกรมใดใช้ทำอะไร และใช้อย่างไร ตัวอย่างเช่น นักวิเคราะห์ใช้โปรแกรม ตารางทำงานการคำนวณยอดขาย นักออกแบบกราฟิกใช้โปรแกรม Adobe Photoshop
ตกแต่งภาพ เลขานุการใช้โปรแกรม
ประมวลผลคำพิมพ์จดหมาย
และใช้อีเมล์ในการติดต่อ
สื่อสารผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ซอฟต์แวร์ประยุกต์เป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานด้านต่าง
ๆ
ตามความต้องการของผู้ใช้ซึ่งถ้าโปรแกรมพัฒนาขึ้นเพื่อความต้องการเฉพาะขององค์การใด
องค์การหนึ่ง
จะเรียกซอฟต์แวร์ประเภทนี้ว่า ซอฟต์แวร์เฉพาะงาน
(Custom program หรือ Tailor-made
software) ซึ่งข้อดีคือ โปรแกรมสามารถใช้งานได้อย่าง
มีประสิทธิภาพตามความประสงค์ของหน่วยงานแต่ข้อเสียคือซอฟต์แวร์ประเภทนี้จะใช้เวลา
ในการพัฒนานานและค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงได้มีการพัฒนาโปรแกรมที่ใช้สำหรับงานทั่ว ๆ ไป
(General
purpose software) หรือบางครั้งเรียกว่า โปรแกรมสำเร็จรูป
(Package software) เป็นซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ (Commercial
software) ที่ผู้ใช้สามารถซื้อไป
ประยุกต์ใช้งานได้ทันทีประเภทของซอฟต์แวร์ประยุกต์
ซอฟต์แวร์ประยุกต์แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภท คือ ซอฟต์แวร์
ประยุกต์พื้นฐานและซอฟต์แวร์ประยุกต์เฉพาะงาน หากคุณต้องการใช้คอมพิวเตอร์
พิมพ์เอกสาร คำนวณ
จัดการหลักฐานข้อมูล และทำงานนำเสนอ สามารถเลือกใช้ซอฟต์แวร์
ประยุกต์พื้นฐาน
สำหรับซอฟต์แวร์ประยุกต์เฉพาะงานเป็นซอฟต์แวร์สำหรับงานเฉพาะอย่างและสำหรับ
แต่ละสาขาอาชีพซึ่งจะรวมถึงซอฟต์แวร์ประยุกต์สำหรับเว็บด้วย
ตัวอย่างเช่น นักออกแบบ
กราฟิกใช้โปรแกรม Adobe
Photoshop ในการจัดการเกี่ยวกับภาพกราฟิกต่าง ๆ
และบริษัท
สายการบินใช้โปรแกรมขายตั๋วเครื่องบินผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
มีซอฟต์แวร์ประยุกต์จำนวนมากที่สามารถดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตมาใช้ได้ฟรี
โดยจะเรียกซอฟต์แวร์เหล่านี้ว่าฟรีแวร์ (Freeware) นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมประเภทแชร์แวร์
(Shareware) ซึ่งสามารถทดลองใช้ได้ก่อน ถ้าพอใจจึงจะติดต่อขอซื้อหรือขอรับรหัสการ
ใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพ
โดยทั่วไปซอฟต์แวร์ประยุกต์จะถูกติดตั้งในฮาร์ดดิสก์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ
ขององค์การแต่ไม่นานมานี้มีซอฟต์แวร์ที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งลงในเครื่องของตนเอง
แต่สามารถใช้งานผ่านเว็บได้
การใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ทำงานผ่านเว็บกำลังเป็นที่นิยม
มากในระบบธุรกิจ
เรียกซอฟต์แวร์ประยุกต์แบบนี้ว่า ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ทำงานผ่านเว็บ
หรือ
เว็บเบสแอพพลิเคชัน (Web based application)
ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ประยุกต์หรือเอเอสพี (Application
Service Provider : ASP)
จะให้บริการแก่ผู้ใช้ในการเข้าถึงซอฟต์แวร์ประยุกต์บนเว็บไซต์นั้น
ๆ โดยผู้ใช้จะต้องติดต่อ
ไปยังเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ
คัดลอกซอฟต์แวร์ประยุกต์ไปยังหน่วยความจำของเครื่องคอมพิวเตอร์
และดำเนินการประมวลผล
ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ประยุกต์ส่วนใหญ่จัดเตรียมซอฟต์แวร์ไว้ให้
หลากหลายประเภทและเก็บค่าบริการกับผู้ใช้
ซอฟต์แวร์ประยุกต์พื้นฐาน
ซอฟต์แวร์ประยุกต์พื้นฐาน (Basic application) หรือบางครั้งเรียกว่าซอฟต์แวร์ประยุกต์อเนกประสงค์
(General-purpose
application) หรือ ซอฟต์แวร์ช่วยเพิ่มผลผลิต (Productivity application)
เป็นซอฟต์แวร์ที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย
ได้แก่ โปรแกรมประมวลคำ โปรแกรมตารางทำงาน
โปรแกรม นำเสนอ และโปรแกรมจัดการฐานข้อมูล
1. โปรแกรมประมวลผลคำ
โปรแกรมประมวลผลคำ (Word
processor) เป็นโปรแกรมพื้นฐานที่ใช้ในการสร้างเอกสาร (Document) ซึ่งมีการใช้งาน
กันอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือตามองค์กรต่าง
ๆ ใช้ในการสร้างงานเอกสารต่าง ๆ เช่น บันทึกจดหมาย
คู่มือ และแผ่นพับ
นอกจากนี้โปรแกรมประมวลผลคำยังสามารถใช้สำหรับการสร้างเว็บเพจส่วนตัวได้ด้วย โปรแกรม
ประมวลผลคำที่ใช้กันแพร่หลาย ได้แก่ Microsoft Word, Corel WordPerfect และ Lotus
word Pro
2.โปรแกรมตารางทำการ
โปรแกรมตารางทำงาน (Spreadsheet program) ใช้สำหรับคำนวณ
วิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นตัวเลข และสร้างแผนภูมิ
เช่น งบประมาณและรายงานทางการเงิน
นิยมสำหรับผู้ใช้ในเกือบทุกสาขาอาชีพ เช่น ด้านการศึกษา อาจารย์ใช้เก็บข้อมูล
คำนวณหาค่าเฉลี่ย
และผลการเรียนของนักศึกษา ด้านการตลาด
อาจใช้สำหรับวิเคราะห์แนวโน้มเกี่ยวกับการขาย
ด้านการเงินอาจใช้สำหรับประเมินและวาดกราฟแนวโน้มราคาหุ้น
โปรแกรมตารางทำการที่นิยมใช้กันมากมีอยู่ 3 โปรแกรม ได้แก่ Microsoft Excel, Corel Quattro Pro และ
Lotus 1-2-3โปรแกรมตารางทำการ
ใช้สำหรับจัดการข้อมูลที่เป็นตัวเลขและการสร้างไฟล์ข้อมูล ข้อมูลจะถูกเก็บ
ไว้ในไฟล์สมุดงาน (Workbook file)ซึ่งประกอบด้วยแผ่นงาน(Worksheet) หรือแผ่นตารางทำการ (Spreadsheet)
หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ชีท (Sheet) จำนวนหนึ่งแผ่นหรือมากกว่าแผ่นงานแต่ละแผ่นจะมีเส้นแบ่งระหว่างแถวและคอลัมน์
คอลัมน์จะถูกอ้างถึงโดยใช้ตัวอักษร แถวจะถูกอ้างถึงโดยใช้ตัวเลขส่วนที่ตัดกันระหว่างแถวกับคอลัมน์
เรียกว่า เซลล์ (Cell)
ตัวอย่างเช่น
เซลล์ D8 เป็นส่วนที่ตัดกันระหว่างคอลัมน์ D และแถวที่ 8ในการป้อนข้อมูลลงเซลล์ สามารถพิมพ์ข้อความหรือ
ตัวเลขก็ได้ เช่น ในภาพที่ 10.2 เซลล์ B8 มี
ข้อมูลตัวเลขอาจจะเกิดจากการพิมพ์เลขนั้นเข้าไปหรือเกิดจากสูตรก็ได้ สูตร (Formula) คือ คำสั่งที่ใช้ใน
การคำนวณหรือประมวลผล เช่น เซลล์ F15 (เป็นข้อมูลของNet) เกิดจากการใช้สูตร =
E5-E13 คือ เป็นค่าที่อยู่ในเซลล์
E5
(Wages) ลบค่าที่อยู่ในเซลล์ E13 (Total
Expenses) ฟังก์ชัน (Function) คือ สูตรที่มีการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าโดยโปรแกรม
ตารางทำการ
ใช้สำหรับการคำนวณต่าง ๆเช่น หาค่าผลรวมของเซลล์ที่ต้องการ
ตัวอย่างเช่น เซลล์ E13 เป็นผลจากการ
ใช้ฟังก์ชัน = SUM(D8:D12) เพื่อบวกค่าสะสมของเซลล์ D8 ถึง D12 ช่วงข้อมูล (Range) คือ เซลล์ที่อยู่ติดกัน
ในกรณีตั้งแต่เซลล์ D8, D9, D10, D11,
D12 และแสดงผลรวมในเซลล์ E13โปรแกรมตารางทำการได้จัดเตรียมฟังก์ชัน
ไว้หลากหลาย
ได้แก่ ฟังก์ชันทางด้านการเงิน คณิตศาสตร์ สถิติ และด้านตรรกศาสตร์
3. โปรแกรมนำเสนอ
โปรแกรมนำเสนอ (Presentation program) ใช้เพื่อสร้างงานนำเสนอที่น่าสนใจและมีลักษณะเป็นมืออาชีพ
นอกจากนั้นยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการสื่อสารข้อความ
หรือชักจูงบุคคลให้มีความสนใจได้ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการฝ่าย
การตลาดจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางด้านการตลาด
พนักงานขายนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการขายผลิตภัณฑ์
นักศึกษาใช้เพื่อนำเสนอรายงานที่ค้นคว้ามาได้โปรแกรมนำเสนอที่นิยมใช้มี 3 โปรแกรม คือ
Microsoft PowerPoint, Corel Presentations และ Lotus Freelance Graphics
ไฟล์งานนำเสนอจะประกอบด้วยภาพนิ่ง (Slide) หลาย ๆ ภาพ โปรแกรมสร้างงานนำเสนอบางโปรแกรม
มีการใช้วิซาร์ด (Wizard) อัตโนมัติช่วยแนะนำผู้ใช้ให้สามารถสร้างงานนำเสนอได้อย่างง่ายดาย
รวมถึงมีเครื่องมือ
ใช้เลือกสี โครงร่าง แม่แบบ ลูกเล่นต่าง ๆ และต้นแบบภาพนิ่ง
4. โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล
ฐานข้อมูล (Database) เป็นการรวบรวมข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน
ระบบจัดการฐานข้อมูล
(Data base Management System : DBMS) เป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับทำโครงสร้างของฐานข้อมูล และมีเครื่องมือต่าง ๆ
สำหรับพิมพ์ แก้ไขและดึงข้อมูลระบบจัดการฐานข้อมูลที่ออกแบบมาใช้กับไมโครคอมพิวเตอร์และได้รับความนิยม
ได้แก่ Microsoft Access, Corel Paradox และ Lotus
Approach
ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational database) เป็นฐานข้อมูลแบบโครงสร้างที่นิยมใช้กันมากที่สุด
ข้อมูลจะถูกจัดเก็บอยู่ในตาราง (Table) ที่มีความสัมพันธ์กันแต่ละตารางจะประกอบด้วยแถวที่เรียกว่าระเบียน
หรือเรคอร์ด (Record)และคอลัมน์ที่เรียกว่า ฟิลด์ (Field) แต่ละ
เรคอร์ด ประกอบฟิลด์ของสิ่งที่ต้องการเก็บข้อมูล
เช่น บุคคล สถานที่ หรือสิ่งของ
ระบบจัดการฐานข้อมูลได้จัดเตรียมเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับสร้างและใช้ฐานข้อมูล
เช่น
เครื่องมือในการเรียงลำดับเรคอร์ดตามฟิลด์ที่เลือก
แต่อย่างไรก็ตามประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของระบบจัดการฐานข้อมูล
คือ ความสามารถในการค้นหาและดึงข้อมูลที่อยู่ในตารางต่างๆที่แยกกันได้โดยการใช้เครื่องมือในการสอบถามข้อมูลฟอร์ม
และรายงานการสอบถามข้อมูล (Query) เป็นการเรียกค้นหาข้อมูลที่ต้องการฟอร์มจะมีลักษณะคล้ายแบบฟอร์ม
ในกระดาษเพียงแต่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
ประโยชน์ของฟอร์มคือใช้สำหรับเพิ่มข้อมูลเรคอร์ดใหม่หรือเปลี่ยนแปลง
ข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลจากตารางและการสอบถามสามารถนำไปใช้สร้างรายงาน (Report) ได้
การใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างซอฟต์แวร์ประยุกต์ต่าง
ๆ
ความสามารถในการใช้ข้อมูลร่วมกันให้เกิดประโยชน์และความสะดวกสบายในการทำงานระหว่างโปรแกรม
ประยุกต์ ตัวอย่างเช่น เมื่อต้องการทำงานนำเสนอ
บางครั้งอาจจะต้องรวมแผนภูมิจากโปรแกรมตารางทำการ
หรือข้อมูลจากฐานข้อมูล
ข้อมูลจากซอฟต์แวร์ประยุกต์หนึ่งจะสามารถนำไปใช้ร่วมกันระหว่างซอฟต์แวร์ประยุกต์อื่น
ๆ ได้หลายทาง
เช่น การคัดลอกและวาง การเชื่อมโยง
และการฝังวัตถุ
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น